A V P

Loading





สตาร์ทรถ ถูกวิธีช่วยรักษา เครื่องยนต์ ให้ยาวนาน



ปัจจุบันการ สตาร์ทรถ อาจมีการพัฒนาไปถึงการสตาร์ทเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยปุ่ม Push Start กันแล้ว แต่ก็ยังมีรถยนต์อีกส่วนมากที่ยังใช้วิธีสตาร์ทด้วยกุญแจอยู่ หลายคนอาจมองว่าการ สตาร์ทรถ เป็นเรื่องเล็กๆ เรื่องง่ายๆ แต่เราอยากบอกว่าเรื่องเล็กๆ ง่ายๆ นี่แหล่ะที่หากคุณทำผิดวิธีบ่อยครั้ง มันจะรุกรามกลายเป็นเรื่องใหญ่ สร้างความเสียหายให้แก่รถได้

ฉะนั้นเราลองมาดูกันว่าวิธี สตาร์ทรถ อย่างไรให้ถูกวิธี แถมยังช่วยรักษาเครื่องยนต์ของรถให้อยู่กับเราไปอีกนาน

1.  เสียบกุญแจเข้าไปเรื่องเล็กๆ แม้แต่เด็กก็ยังทำได้
เมื่อเราเสียบกุญแจเข้าไปตำแหน่งแรกคือ Lock ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เวลาเราดับเครื่องยนต์สนิท จากนั้นบิดไปทางขวาที่ตำแหน่ง ACC ตำแหน่งนี้เป็นการเปิดระบบไฟฟ้าในรถให้ทำงาน คุณสามารถเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องเสียงได้ในตำแหน่งนี้ บิดไปทางขวาอีกครั้งคือ On เตรียมพร้อมในการ สตาร์ทรถ และการบิดสุดท้ายคือตำแหน่ง Start เครื่องยนต์จะทำงาน ขณะที่เครื่องยนต์ทำงานไม่ควรกดกุญแจลงไป เพราะเครื่องยนต์จะเสียหายได้

2. อุ่นเครื่องยนต์สักพีก 5 -10 นาทีกำลังดี
หลังจากที่ สตาร์ทรถ แล้วไม่ควรขับทันที เพราะระบบไฟฟ้า ระบบน้ำมันเครื่อง และระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ยังทำงานไดไม่เต็มที่ การขับรถทันทีหลังจากสตาร์ทบ่อยครั้งเป็นบ่อเกิดของการเสียหายของรถอย่าง ลูกสูบติด หัก หรืออาจงอได้ และไม่ควรเหยียบคันเร่งขณะสตาร์ทเพราะจะทำให้เครื่องยนต์กระตุกเครื่องอาจสำลักน้ำมัน เกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ ฉะนั้นแลวเราควรวอร์มเครื่องยนตืประมาณ 5 -10 นาทีก่อนขับ หรือให้สัญญาณเตือน ไฟรูปเทอร์โมมิเตอร์บนหน้าปัทม์หายไป แสดงว่าตอนนี้อุณหภูมิเครื่องยนต์วอร์มเต็มที่แล้วพร้อมขับได้

3. ถึงที่หมายไม่ควรดับเครื่องทันที เดินเครื่องยนต์เบาไปก่อนสักนาทีเเล้วค่อยปิด
การปิดเครืองยนต์หลังจากถึงที่หมาย ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าต้องบิดกุญแจรถไปทางไหน แต่การดับเครื่องยนต์ก็ต้องทำด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อถึงที่หมายควรเดินเครื่องยนต์เบาทิ้งไว้สักหนึ่งนาทีเพื่อให้อุณหภูมิของเครื่องยนต์ลดลงหลังจากขับมาเป็นเวลานาน

ทั้งหมดนี้คือเรื่องง่ายๆ สำหรับการ สตาร์ทรถ ที่สามารถนำไปใช้ได้ เพียงหมั่นดูเเลใสต่ใจสิ่งเล็กๆ แค่การสตาร์ทสักนิด เท่านี้เครื่องยนต์ของรถคุณก็จะสามารถใช้งานได้อีกยาวนาน

 

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://auto.mthai.com/news/tips/41374.html