A V P

Loading





ดูแลรถหลังจอดนาน ๆ ต้องทำอย่างไร ?


จอดรถในที่ปลอดภัย

การเลือกที่จอดรถเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากหากเราต้องจอดไว้ที่เดิมนาน ๆ เพราะตลอดเวลาที่รถถูกจอดทิ้งไว้ ไม่มีใครรู้ว่าสภาพอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ควรเลือกจอดในอาคารหรือโรงรถ ไม่จอดใกล้พื้นที่ที่เป็นป่ารก แหล่งน้ำ หรือใกล้ถังขยะ ซึ่งรถอาจจะถูกบุกรุกจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้ ตั้งแต่มด หนู แมลงสาบ หรืออาจจะแจ็กพอตไปเจอกับสัตว์มีพิษอย่างงูขึ้นมาก็จะแย่ รวมถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วย 


สตาร์ตรถ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์

เมื่อต้องจอดรถนานนับสัปดาห์หรือเป็นเดือน ๆ มีโอกาสที่รถจะเสื่อมสภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ แม้จะไม่มีธุระจำเป็นต้องใช้รถ แต่ก็ควรหาเวลาสตาร์ตเครื่องยนต์ และขับวนใกล้ ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ทุกระบบได้ทำงานตามปกติ


ไม่ควรดึงเบรกมือทิ้งไว้

การดึงเบรกมือทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินไปอาจจะทำให้ผ้าเบรกไปติดกับจานเบรก ฉะนั้นหากจะจอดรถทิ้งไว้นานจริง ๆ และที่จอดเป็นพื้นที่ลาดเอียง ควรจะหาก้อนอิฐหรือหินมาขัดล้อรถเอาไว้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า


ทำความสะอาดภายในรถให้เรียบร้อย

ผู้ใช้รถบางคนมักจะทิ้งอะไรต่าง ๆ นานาไว้ในรถมากมาย หรือแม้แต่กินอาหารแล้วมีเศษตกหล่นอยู่บนรถ ดังนั้น หากจะทิ้งรถจอดไว้นาน ๆ ควรเก็บข้าวของต่าง ๆ โดยเฉพาะขยะให้เรียบร้อย รวมไปถึงการทำความสะอาดดูดฝุ่นให้ดี เพราะเศษอาหารเพียงเล็กน้อยอาจจะเป็นตัวดึงดูดสัตว์อย่างมดหรือหนู และอาจสะสมจนทำให้เกิดเชื้อโรคได้ นอกจากนั้นการฉีดน้ำหอมบาง ๆ ทิ้งเอาไว้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน


ทำความสะอาดภายในเพื่อป้องกันเชื้อโรค

         เราควรใส่ใจและทำความสะอาดรถอย่างสม่ำเสมอเพื่อกำจัดเชื้อไวรัสที่อาจติดสะสมมา อาจเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยการเช็ดทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร ซึ่งเป็นบริเวณพื้นผิวที่มีโอกาสถูกสัมผัสบ่อย เช่น พวงมาลัย เบาะนั่ง ที่จับประตู ช่องปรับอากาศ เป็นต้น โดยทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ที่มีระดับความเข้มข้น 70-90% หรือน้ำยาทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ที่สำคัญอย่าลืมที่จะทำความสะอาดพรมปูพื้นรถด้วย นอกจากนี้การจอดรถตากแดดก็มีส่วนช่วยลดเชื้อโรคได้เช่นกัน

ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคภายในรถ

         ในช่วงโควิด 19 ระบาดเช่นนี้ มีศูนย์รถยนต์ต่าง ๆ มากมายที่มีบริการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในห้องโดยสารให้ฟรีเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทุกครั้งที่นำรถเข้าศูนย์ก็อย่าลืมลงทะเบียนขอรับบริการเหล่านี้ และก็ควรต้องเลือกศูนย์บริการที่ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานด้วย

ดูแลหัวเทียนให้ดี

หากจะต้องปล่อยให้รถจอดไว้โดยไม่ได้ใช้งานนานเป็นเดือน ๆ ถ้าพอมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์อยู่บ้าง แนะนำว่าให้ถอดหัวเทียนออกแล้วฉีดน้ำมันเล็กน้อยลงในซ็อกเก็ตปลั๊กก่อนที่จะนำปลั๊กกลับมาอีกครั้ง การทำแบบนี้จะช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในฝาสูบ และป้องกันความชื้น นอกจากนี้ผู้ขับขี่บางท่านอาจจะเลือกใช้สารเติมแต่งเชื้อเพลิงที่มีคุณสมบัติการเคลือบป้องกันส่วนที่อยู่ภายในของเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะเป็นการป้องกันส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ได้มากขึ้น

 

การบำรุงรักษาแบตเตอรี่

กรณีที่ไม่ได้ใช้รถยนต์นานจริง ๆ จนถึงขั้นไม่มีเวลาได้สตาร์ตเครื่องยนต์เลย สิ่งหนึ่งที่ขอแนะนำก็คือให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก เพื่อไม่ให้เกิดการคายประจุไฟจนเกิดอาการแบตฯ หมด อย่างไรก็ตาม ทางเลือกที่อาจจะง่ายและดีกว่าก็คือ พยายามหาโอกาสติดเครื่องแล้วขับรถออกจากที่จอดให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง


ระวังเรื่องสีรถ

สีรถเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก ๆ เพราะหากคุณจอดรถทิ้งเอาไว้นาน ๆ โดยเฉพาะนอกตัวอาคาร ซึ่งแน่นอนว่าโอกาสที่คราบต่าง ๆ หรือฝุ่น หรือแม้กระทั่งความชื้นในอากาศ ก็มีสิทธิ์ทำให้สีรถของคุณได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดตัวรถให้ดี แล้วทำการขัดเคลือบสีรถโดยแว็กซ์หรือน้ำยาที่มีคุณสมบัติเคลือบผิว อาจจะช่วยปกป้องรถจากมลภาวะต่าง ๆ ได้


ตรวจสอบยางรถยนต์และลมยางเสมอ

เมื่อรถถูกจอดไว้นิ่ง ๆ เป็นเวลานาน ยางรถยนต์ก็จะมีปัญหาได้เช่นกัน แนะนำว่าควรเติมลมรถให้มากกว่าเดิมสักประมาณ 5-10 ปอนด์/ตารางนิ้ว และหากจอดนานมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป ควรหาแม่แรงมายกรถให้สูงจากพื้นเอาไว้เลย เนื่องจากการที่ยางรถต้องรับน้ำหนักเพียงด้านเดียวนาน ๆ ย่อมเสี่ยงต่อการเสียโครงของตัวยาง ทำให้ยางเสียรูปและไม่อาจคืนตัวได้ ซึ่งหากนำรถไปใช้ต่อหลังจากนั้นจะมีอาการล้อสั่นและมีเสียงที่ผิดปกติ และถ้าพอมีเวลาอย่างน้อยก็นำรถออกไปขับวนเล่นเพื่อให้ยางได้หมุนบ้าง


นำรถไปเช็กระยะเมื่อถึงเวลา

         ถึงแม้การจอดรถนาน ๆ อาจจะทำให้เลขไมล์ไม่ครบตามระยะที่กำหนด แต่ก็อย่ามองข้ามการนำรถไปเข้ารับการบริการพื้นฐานเมื่อถึงเวลาที่กำหนดด้วย โดยทั่วไประยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะอยู่ที่ 5,000 กิโลเมตร หรือ 10,000 กิโลเมตร แต่สำหรับรถที่มีการใช้งานน้อยในระยะเวลา 1 ปี อาจจะไม่ได้ถ่ายน้ำมันเครื่องเลย ดังนั้นต้องอ้างอิงตามระยะเวลา โดยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก ๆ 6 เดือน หรือตามที่คู่มือกำหนด

เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ก่อนนำรถยนต์กลับมาใช้งานตามปกติ

หลังจากไม่ได้ใช้รถนาน ๆ เมื่อนำกลับมาใช้ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองเสียใหม่ เนื่องจากรถเมื่อถูกทิ้งไว้นาน ๆ จะมีความชื้น ตะไบโลหะ ตะกอน และองค์ประกอบที่มีฤทธิ์กัดกร่อน อยู่ในน้ำมันเครื่องและไส้กรอง ดังนั้นจึงควรเปลี่ยนใหม่ และนำรถออกไปขับเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลเวียน

 

ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ ภาษีรถยนต์ ทะเบียนรถ ให้เรียบร้อยก่อนใช้รถ

          สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้การดูแลรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี คือการดูแลไม่ให้ พรบ รถยนต์และใบขับขี่ หมดอายุ เนื่องจากจอดรถไว้นานก็อาจจะทำให้หลงลืมได้


ขอบคุณที่มา : car.kapook