Loading
วันนี้เลยได้นำ 10 วิธีประหยัดน้ำมัน มาฝากกันแล้ว ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
รู้ไหมว่ายิ่งขับรถเร็วมากเท่าไร ก็ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งความเร็วที่ประหยัดน้ำมัน จะอยู่ที่ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทางที่ดีควรขับรถด้วยความเร็วที่เหมาะสมและรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
ยิ่งเร่งเครื่องออกตัวรถแรง ออกรถกระชาก หรือพุ่งด้วยความเร็วแบบรถแข่งนั้น นอกจากจะทำให้เปลืองน้ำมันแล้ว ยังทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ ในเครื่องยนต์เสื่อมสภาพและสึกหรอได้เร็วขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงเวลาเร่งเครื่องแรงเพื่อแซงรถทุกคันก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เปลืองน้ำมันเช่นกัน ยังไงแล้ว ค่อยๆ ขับ ไม่ออกตัวรถแรงๆ และเร่งเครื่องเฉพาะที่จำเป็นจะดีกว่า
การเหยียบเบรกบ่อยเกินไป ก็ทำให้รถกินน้ำมันมาก เพราะหลังเหยียบเบรกต้องมีการเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องยนต์ ยังไงแล้วให้ลองประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อชะลอความเร็ว เช่น เห็นรถติดอยู่ด้านหน้า ให้กะระยะแล้วปล่อยคันเร่งให้รถไหลไปเรื่อยๆ โดยใช้แรงเฉื่อย และเหยียบเบรกเท่าที่จำเป็นจะดีกว่า เพราะเหยียบเบรกบ่อยๆ นอกจากจะกินน้ำมันแล้ว ยังทำให้ผ้าเบรกเสื่อมเร็วอีกด้วย
บางครั้งเวลาขับรถ เราไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา แต่ปล่อยให้รถยนต์ไหลไปเรื่อยๆ ด้วยแรงของมันเอง ซึ่งเทคนิคนี้เรียกว่า “วอล์คกิ้ง สปีด” (Walking Speed) คือ การที่ปล่อยให้รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง เพียงแค่เข้าเกียร์ D แล้วประคองเบรกหรือเว้นระยะห่างให้เหมาะสม ซึ่งเหมาะมากๆ กับการขับรถในช่วงการจราจรติดขัด
เวลารถติดนานๆ หยุดนิ่ง ไม่ขยับ แนะนำให้เข้าเกียร์ว่าง หรือ เกียร์ N แทนที่การเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรก เพราะว่าช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า แถมยังไม่ต้องทนเมื่อยขาเหยียบเบรกนานๆ อีกด้วย นอกจากนี้หากใครที่ชอบสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้เวลาจอดรถพักที่ปั๊มน้ำมัน แนะนำให้ดับเครื่องไปเลยจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นรถก็จะยิ่งกินน้ำมันไปเรื่อยๆ โดยเปล่าประโยชน์
หมั่นตรวจเช็กลมยางให้อยู่ในค่ามาตรฐาน หากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้เกิดแรงเสียดทานมากขึ้น ทำให้รถต้องใช้แรงในการขับเคลื่อนมากกว่าปกติและกินน้ำมันมากขึ้น ดังนั้นจึงควรเติมลมยางให้ได้ตามกำหนดมาตรฐานทั้งล้อหน้าและล้อหลังคือประมาณ 30-32 PSI (สำหรับรถเก๋ง)
การบรรทุกของหนักส่งผลให้รถยนต์ต้องทำงานหนักมากขึ้น และกินน้ำมันมากกว่าเดิม เพราะต้องใช้แรงในการขับเคลื่อนรถยนต์มากกว่าเดิม ทางที่ดีควรบรรทุกของที่จำเป็น หรือหมั่นทำความสะอาดรถ จัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็น หรือขนของหนักๆ ออกไปบ้าง รถยนต์จะได้คล่องตัวและไม่รกจนเกินไป แถมยังประหยัดน้ำมันอีกด้วยนะ
และสำหรับสายท่องเที่ยว สายตั้งแคมป์ที่นิยมติดตั้งแร็คบนหลังคารถเพื่อบรรทุกของ แต่รู้ไหมว่าสิ่งนี้ก็ทำให้เปลืองน้ำมันได้มากเช่นกัน เพราะว่าเวลารถเคลื่อนที่จะเกิดแรงต้านมากขึ้น และทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าเดิม ดังนั้นแล้วหากไม่ได้บรรทุกของควรถอดแร็คออกจะดีกว่า
การเปิดแอร์รถยนต์เย็นจนเกินไป ก็ทำให้เปลืองน้ำมันไปได้มากถึง 10-20% เลยทีเดียว ทางที่ดีควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสม เพื่อลดการทำงาของคอมเพรสเซอร์แอร์ หรือหากขับรถผ่านในที่อากาศดีๆ อาจปิดแอร์ แล้วเปิดกระจกรถ หรือซันรูฟเพื่อรับลมธรรมชาติ ก็ช่วยประหยัดน้ำมันได้เช่นกัน
วิธีสุดท้ายที่ช่วยประหยัดน้ำมันนั่นก็คือการหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์ เพื่อสำรวจว่าอุปกรณ์ต่างๆ ยังสามารถใช้งานได้ตามมาตรฐาน หากมีชิ้นส่วนไหนเสื่อมสภาพ สึกหรอ หรือหมดอายุการใช้งานก็ควรเปลี่ยน เช่น น้ำมันเครื่อง ไส้กรอง เป็นต้น โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เป็นการบำรุงเครื่องยนต์ และช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้หากไส้กรองชำรุดหรืออุดตันก็จะส่งผลต่อการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก และกินน้ำมันมากขึ้น จึงควรตรวจเช็กสภาพรถยนต์เป็นประจำ รวมไปถึงระบบต่างๆ เช่น เบรก หัวเทียน น้ำมันหล่อลื่น เป็นต้น
เมื่อเพื่อนๆ ได้ทราบกันไปแล้วว่ามีวิธีขับรถยังไงให้ประหยัดน้ำมัน ในช่วงที่ น้ำมันแพง แบบนี้ ก็สามารถนำไปทำตามกันได้ แต่อย่างไรแล้วก็ควรขับขี่อย่างปลอดภัย ไม่ประมาท
แต่จะให้ดีเข้าไปอีกให้มีประกันภัยรถยนต์เสริมเข้าไปด้วย เพื่อป้องการค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด สนใจทำประกันภัยรถยนต์ติดต่อสอบถาม AVP โทร 02-656-9477 ต่อ 103